รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า ในยุคปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั่วโลก ตั้งแต่ในระดับของผู้คนทั่วไป แวดวงธุรกิจต่าง ๆ วงการวิชาการ ไปจนถึงระดับนโยบายภาครัฐ รวมถึงระหว่างประเทศด้วย นั่นเพราะการตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องพลังงานที่มีอยู่จำกัด หรือที่เรียกว่า Non-Renewable Energy ซึ่งก็คือพลังงานน้ำมัน ที่วันหนึ่งจะหมดไป ทำให้ผู้คนหลากหลายฝ่ายทั่วโลกพยายามที่จะคิดหาทางออกจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่จะมาถึงนี้ ในไทยอาจมีสถานีชาร์จรถยนต์ระบบไฟฟ้าไม่มากนัก แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้หลายๆ คนหันมาเลือกรถยนต์แบบไฟฟ้า และรถยนต์หลายยี่ห้อก็เข้ามาในประเทศไทยเพื่อผลิตและนำเข้ารถยนต์ระบบไฟฟ้า ผมเริ่มแล้ว ในปีนี้รถยนต์ระบบไฟฟ้า EV มีวางจำหน่ายในประเทศไทยในราคาที่เอื้อมถึง เริ่มต้นเพียง 325,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้า

เทคนิคและการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า

ยางรถยนต์ระบบไฟฟ้า

  • ยางรถยนต์ระบบไฟฟ้า ถึงแม้จะเป็นรถไฟฟ้า การดูแล ยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรมองข้าม การดูแลยางรถยนต์ควรจะต้องหมั่นตรวจสอบคุณภาพของยางรถยนต์ที่ใช้งาน อายุของการซื้อไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจว่าคุณควรจะเปลี่ยนยางรถยนต์หรือยัง แต่การใช้งานเป็นปัจจัยหลักหรือเป็นส่วนสำคัญในการที่จะตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนยางหรือยัง หากคุณใช้รถทุกวัน มีการใช้งานทุกวันติดต่อกัน ควรใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 2 ปี ก็ควรทำการเปลี่ยนยางใหม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่า คุณมีการใช้น้อยคุณยางก็จะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาเช่นกัน หากมีการใช้รถน้อย แนะนำให้ภายใน 3 – 4 ปี ก็ควรเปลี่ยนยางได้ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แต่ละครั้งไม่ควรละเลยเรื่องของการเปลี่ยนยางรถ

มอเตอร์ไฟฟ้า

  • อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์หรือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนรถที่คุณต้องทำการดูแล ถึงแม้รถไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแต่หากคุณใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่คุณภาพต่ำอาจจะทำให้รถของคุณเสื่อมสภาพได้ง่าย   ดังนั้นควรจะนำรถไปเช็คระยะรวมทั้งตรวจสอบคุณภาพมอเตอร์ไฟฟ้าทุกครั้งตามกำหนดระยะเวลาที่ตรวจเช็ค หากมอเตอร์ไฟฟ้าพังส่งผลเสียกับรถของคุณเป็นอย่างมาก หมั่นตรวจสอบและดูแลมอเตอร์ของรถรถไฟฟ้าของคุณให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานจะทำให้รถของคุณไม่มีปัญหาและไม่ส่งผลเสียต่ออุปกรณ์อื่นๆด้วย

ระบบเบรค

  • ถึงแม้จะเป็นรถไฟฟ้า ก็ต้องหมั่นทำการดูแลรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะระบบเบรค โดยรถไฟฟ้าส่วนมากจะมีระบบเบรค 2 แบบ คือ เระบบเบรกแบบ Regenerative Braking กับระบบเบรคแบบปกติ ซึ่งระบบเบรกแบบ Regenerative Braking จะใช้ตัวปั่นไฟตัวหน่วงรถไฟฟ้าให้มีการขับเคลื่อนที่ลดลงหรือเรียกง่ายง่ายว่ารถจะเฉื่อยลงเมื่อคุณเหยียบเบรคด้วยระบบนี้ ดังนั้นคุณควรหมั่นตรวจสอบและดูแลเพื่อให้ระบบเบรคให้ทำงานได้ตามปกติ แต่ยังไงก็ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่เช่นกัน

อุปกรณ์ชาร์จไฟ

  • ส่วนประกอบที่สำคัญของการดูแลรถยนต์แบบไฟฟ้าสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม คือ อุปกรณ์ชาร์จไฟ หากคุณใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ไม่มีคุณภาพอาจจะทำให้คุณขับรถที่ไม่ปลอดภัย กำลังไฟไหม้เพียง ควรเลือกอุปกรณ์ชาร์จไฟที่มีคุณภาพรับรองมาตรฐานผ่านการรับรองแล้วว่ามีความปลอดภัยเหมาะสำหรับใช้กับรถไฟฟ้าโดยแท้จริง หากใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ไม่มีคุณภาพอาจจะทำให้ถึงขั้นไฟฟ้าลัดวงจรในขณะที่ชาร์จไฟได้ ดังนั้นควรระวังหรือตรวจเช็คอุปกรณ์ชาร์จไฟเป็นประจำ

แบตเตอรี่

  • แน่นอนเมื่อคุณเลือกขับรถไฟฟ้าสิ่งหนึ่งในการดูแล รถไฟฟ้า มักจะต้องคำนึงถึง คือ เรื่องของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่รถไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากเพราะเป็นตัวขับเคลื่อนให้รถของคุณสามารถเคลื่อนที่ไปยังที่ต่างๆได้หากคุณใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพต่ำหรือเสื่อมคุณภาพอาจจะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างการเดินทางของคุณ ดังนั้นการดูแลแบตเตอรี่คุณควรระมัดระวังในการจอดรถไม่ควรจอดรถไฟฟ้าของครูในที่แจ้งหรือที่ที่มีแดดแรงมากๆควรจอดในร่มและควรเลือกที่จอดที่เหมาะแก่การชาร์จไฟไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป แบตเตอรี่ที่เสื่อมควรมีการตรวจสอบและหมั่นเปลี่ยนเมื่อถึงหรือครบอายุการใช้งานอย่าปล่อยให้รถของของคุณใช้แบตเตอรี่ที่เสื่อมคุณภาพอาจจะส่งผลต่อการใช้งานของรถคุณด้วย

แนวโน้มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย

เคยสังเกตไหมว่าท้องถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ธรรมดาๆ ที่ขับโดยคนไทย? ใช้น้ำมันเท่าไหร่ข้อมูลจากธุรกิจพลังงานเผยแม้พฤติกรรมการใช้รถที่เปลี่ยนไปทำให้การใช้น้ำมันเฉลี่ยโดยรวมต่อวันลดลงแต่ภาพรวมการใช้น้ำมันในปี 2563 ที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงใช้น้ำมันทุกประเภท มากถึง 137.9 ล้านลิตรต่อวัน (ไม่รวมก๊าซธรรมชาติ) แต่อาจเพิ่มขึ้นได้อีกหลังคลายล็อกดาวน์ อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหามลพิษและภาวะโลกร้อนเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดมลพิษเหล่านี้ก็คือฝุ่นและควันที่มาจากท่อไอเสียรถยนต์ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดคุยกันโดยละเอียด “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ “EV” คืออะไร และเหตุใดจึงเป็นตัวเลือกที่สำคัญสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต รถยนต์ระบบไฟฟ้า EV มีการติดตั้งชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ เช่นไม่มีระบบเกียร์เครื่องยนต์ซึ่งน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป และใช้เฉพาะแบตเตอรี่เพื่อฟังก์ชั่นหลักในการขับขี่รถยนต์ เนื่องจากใช้เพียงตัวแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า ภาระในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงลดลงเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์บ่อยๆ อีกทั้งงานไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ

ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและเหนือระดับกว่า

ก่อนที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักรถยนต์ระบบไฟฟ้า EV เรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้ากันก่อน แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะรู้จักรถยนต์ระบบไฟฟ้ามาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่เหตุใดกระแสรถยนต์ระบบไฟฟ้าจึงได้รับความสนใจมากในช่วงนี้? สาเหตุหลักคือกระแสการกอบกู้โลกและแนวคิดการรักษ์โลกที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น อย่างที่คุณทราบ รถยนต์ทั่วไปใช้เชื้อเพลิงมาก ไม่ใช่แค่เสียเงินในกระเป๋าของคุณ แต่ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากต้องมีการขุดและใช้เชื้อเพลิงอย่างจำกัด เมื่อเกิดการเผาไหม้ปัญหาโลกร้อนก็เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของเราด้วย การทำให้รถยนต์เป็นทางเลือกใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณเคยขี่ EV คุณจะต้องหลงรักมันอย่างแน่นอน เพราะมันมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง ทั้งความเงียบเมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน, ความเงียบเมื่อมีเสียงการเผาไหม้ดัง, หรือเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทกะทันหัน คุณสามารถควบคุมความเร่งได้ตามที่คุณต้องการ ไม่มีปัญหาในการขับรถลุยน้ำในกรณีฉุกเฉิน คุณต้องศึกษาข้อควรระวังอย่างรอบคอบ รถยนต์ระบบไฟฟ้า (EV) รุ่นต่างๆ มีระบบที่เรียกว่า Hydrolock หรือไม่

ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม

ต่อไป “รักษ์โลก” และ “ดูแลสิ่งแวดล้อม” จะไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องลงมือทำ จะเห็นได้จากนโยบายหลากหลายประเทศที่เริ่มออกมารองรับ การใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV มากขึ้น รวมถึงไทยเองที่มีนโยบายภาษีแบตเตอร์รี่ต่ำกว่า ลดภาษีสรรพสามิต ส่งเสริมการลงทุนแก่ผู้ผลิต ฯลฯ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยั่งยืน ที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และสามารถเลี่ยงการใช้พลังงานสิ้นเปลือง เน้นใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้จนส่งผลกระทบต่อมลภาวะ ไม่เพียงแต่คุณจะช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมเท่านั้น แต่ค่าพลังงานในการใช้งานรถของคุณยังถูกกว่าหลายเท่าอีกด้วย ผู้ใช้รถยนต์ EV กล่าวว่าพวกเขาสามารถประหยัดเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนได้หลายพันดอลลาร์ ณ จุดนี้ใครก็ตามที่เลือกรถยนต์สันดาปภายในอาจต้องคิดใหม่อีกครั้งเนื่องจากค่างวดรายเดือนจะต่ำกว่า รถยนต์ระบบไฟฟ้าอาจมีราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบค่าบำรุงรักษาและค่าสาธารณูปโภค นอกจากนี้ แบตเตอรี่จะชาร์จที่สถานีชาร์จหรือจากที่บ้าน สะดวกและประหยัดเวลาด้วย เป็นทางเลือกรถที่น่าสนใจมาก

รถยนต์ไฟฟ้า

ความต้องการของผู้บริโภค

หลังจากทำความรู้จักกับ รถยนต์ไฟฟ้า EV มาคร่าวๆ แล้ว มาดูกันดีกว่า ว่า แนวโน้มของ ‘รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย’ จะเป็นยังไงกันต่อไป จากข้อได้เปรียบต่างๆ ที่เรานำมาฝากข้างต้น คงจะทำให้ผู้ประกอบการหลายท่านที่ได้อ่านอยากลองสัมผัสกับรถยนต์ระบบไฟฟ้า EV บ้างไม่มากก็น้อย ผู้บริโภคที่ต้องใช้รถใช้ถนนเองก็เหมือนกัน สอดคล้องกับสถิติของช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดรถพลังงานไฟฟ้ามีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ทั่วโลกสร้างยอดขายได้มากกว่า 3 ล้านคัน ในปี 2020 แม้ตลาดรถยนต์จะหดตัว จากผลกระทบของโควิด-19 บางคนอาจจะคิดในใจว่า ก็ผู้บริโภคชาวต่างชาติมีเงินพอที่จะลองใช้รถ EV กันอยู่แล้ว ลองหันมาดูประเทศที่ GDP หดตัวอย่างไทยสิ ขอบอกเลยว่า อย่าได้ดูถูกตลาดรถ EV เล็กๆ ในประเทศไทยเด็ดขาด เพราะถึงตลาดรถยนต์ใหม่ในไทยจะหดตัวถึง 21% แต่ตลาดรถยนต์ระบบไฟฟ้าในไทยกลับขยายตัวถึง 13% นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันเอาไว้ว่า ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจขยายตัวสูงถึง 34% ภายในปี 2030 เลยทีเดียว

 

ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยน ผู้ประกอบการก็ต้องเปลี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากกว่า 8 แสนตำแหน่งทั่วไทย เป็นโซ่การผลิตที่มีกำลังแข็งแกร่ง แนวโน้มต่อไปที่อาจเกิดขึ้นคือ หากผู้ประกอบการเดิมไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับสายผลิตอะไหล่รถยนต์เชื้อเพลิงแบบสันดาปหรือให้บริการเชื้อเพลิงน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติต่างๆ ไม่ยอมปรับตัว อาจได้รับผลกระทบหนักจากความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ในขณะที่รถยนต์ระบบไฟฟ้า EV อาจได้รับความนิยมสูงขึ้น ส่วนกลุ่มที่ยังเรียกได้ว่ายังคงปลอดภัย สบายใจหายห่วงได้อยู่ก็คือ กลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่ เพราะยังคงผลิตสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในรถยนต์ทุกประเภท เช่น ยางรถยนต์ เบาะ ระบบแบตเตอร์รี่ แผงวงจร ฯลฯ ในส่วนของพาหนะอื่นๆ ที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอย่างบริการรถสาธารณะ รถรับจ้าง ฯลฯ ก็อาจจะต้องคอยตามข่าวสาร เพื่อปรับตัวบางอย่างให้ให้เข้ากับอุปสงค์-อุปทานในตลาดต่อไปบ้าง หากมีการสร้าง Roadmap ที่ชัดเจน มีการผลักดันจากนโยบายจากรัฐ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมก็อาจจะได้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจำกัดเป็นอุปสรรคบ้างเล็กน้อย เช่น การออกนโยบายภาครัฐยังไม่ชัดเจน ราคาของรถยนต์ระบบไฟฟ้าที่นำเข้ามา ณ ปัจจุบัน แม้จะปลอดภาษี 0% แต่ยังคงสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่คนไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน การผลิตในประเทศชะลอตัว และจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่ทั่วถึง ในส่วนของภาคประชาชนก็ยังไม่มีความตื่นตัวเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่าใดนัก